สุเทพ วงศ์กำแหง
นายสุเทพ วงศ์กำแหง เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ ที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ได้ศึกษาระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนมารีย์วิทยา โรงเรียนเทศบาล๒ (วัดสมอราย) สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ จาก โรงเรียนสีคิ้วสวัสดิ์ผดุงวิทยา ระดับอาชีวศึกษา จากโรงเรียนเพาะช่าง กรุงเทพมหานคร และมหาวิทยาลัยโตเกียว ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ อาร์ท (ประเทศญี่ปุ่น) แววของการเป็นนักร้องเริ่มมีขึ้นตั้งแต่สมัยที่เป็นนักเรียนโดยมักจะได้รับมอบหมายให้เป็นต้นเสียงร้องเพลงชาติที่โรงเรียนเสมอๆ ครั้นเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ แล้ว ก็ได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กับญาติที่กรุงเทพมหานคร และด้วยนิสัยรักการวาดเขียนและงานศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้สมัครเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเพาะช่าง ซึ่งเป็นสถาบันการสอนทางด้านศิลปะของไทย ระหว่างที่เรียนอยู่นั้นนอกจากจะแสดงฝีมืออย่างโดดเด่นในทางศิลปะแล้ว ยังเป็นนักร้องเสียงดีประจำห้องเรียนอีกด้วย ในยามว่างมักจะฝึกซ้อมร้องเพลงเสมอ ๆ ตามแบบอย่างของนักร้องที่ชื่นชอบในยุคนั้น เช่น วินัย จุลละบุษปะ, สถาพรมุกดาประกร, ปรีชา บุณยเกียรติ เป็นต้น
บุคคลที่มีส่วนผลักดันให้เป็นนักร้องคือ ครูไสล ไกรเลิศ ในระยะเวลาเวลาที่ผ่านมา หลังจากเข้าสู่วงการเพลงจนถึงปัจจุบัน สุเทพ วงศ์กำแหง ได้ขับร้องเพลงไว้ไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ เพลง เพลงที่ทำให้มีชื่อเสียงคือ เพลง “รักคุณเข้าแล้ว” ซึ่ง สมาน กาญจนะผลิน เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง และ สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ เป็นผู้ประพันธ์บทร้อง ทำให้เป็นที่รู้จักของนักฟังเพลงมากขึ้น และเมื่อมีโอกาสได้ร้องเพลงคู่กับ สวลี ผกาพันธุ์ ยิ่งทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ผลงานเพลงดังอมตะที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันมีมากมาย นอกจากเพลง “รักคุณเข้าแล้ว” ยังมีเพลงอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพลง เย้ยฟ้าท้าดิน นั้นเป็นเพลงที่นับว่าทำให้สุเทพ วงศ์กำแหง ประสบความสำเร็จมากที่สุดเพลงหนึ่งในชีวิต และยังได้ขับร้องเพลงที่เกี่ยวข้องและสะท้อนสังคมวัฒนธรรมอีสานไว้ เช่นเพลง “อีสานที่รัก” “หลานเขยย่าโม” “สายัณห์ที่แก่งสะพือ” “มนต์รักดอกนางอั้ว” ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีผลงานเพลงที่ร้องประกอบภาพยนตร์และละครโทรทัศน์อีกเป็นจำนวนมากเช่น “เพลงป่าลั่น” “สกาวเดือน” “สุรีรัตน์ล่องหน” “แผ่นดินของเรา” “มนต์รักบ้านนา” “ดอกอ้อ” “แววมยุรา” เป็นต้น ผลงานเพลงที่ขับร้องมีความไพเราะ นุ่มนวล กังวาน มีลีลาเป็นกันเอง เป็นศิลปินนักร้องเพลงไทยสากลที่มีน้ำเสียงเสนาะ จนได้รับฉายาจาก รงค์ วงษ์สวรรค์ว่า “นักร้องเสียงขยี้แพรบนฟองเบียร์” ทุกเพลงที่ร้องล้วนกลั่นออกมาด้วยความวิจิตรประณีตยิ่ง
สุเทพ วงศ์กำแหง ได้รับพระราชทานรางวัลแผ่นเสียงทองคำ ไม่น้อยกว่า ๕ ครั้ง รางวัลเสาอากาศทองคำในฐานะนักร้องยอดเยี่ยม ๒ครั้ง และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย พุทธศักราช ๒๕๓๓ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ รางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติในช่วงระยะหนึ่งของชีวิต สุเทพ วงศ์กำแหง ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรและได้รับเลือกตั้งหลายสมัย มีโอกาสทำงานรับใช้สังคมมากขึ้น นับเป็นศิลปินที่ตั้งใจทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ปัจจุบันสุเทพ วงศ์กำแหง ยังบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเป็นอเนกประการ
จากเกียรติคุณในการสร้างสรรค์การขับร้องเพลงไทยสากล ต่อเนื่องกว่า ๕๐ ปี ด้วยความสามารถอันสูงส่งจนเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังเป็นผู้อำนวยคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเสมอมา นายสุเทพวงศ์กำแหง จึงสมควรได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปะการแสดง (ขับร้องเพลงไทยสากล) ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป