วัดอุดมประชาราษฎร์
ประวัติความเป็นมา
วัดอุดมประชาราษฎร์ ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘ เดิมชื่อ วัดหัวระพา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๒ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๖.๘๐ เมตร ยาว ๑๒ เมตร ผู้นำในการก่อสร้างคือ ญาคู บุปผา ผาสุวิหาโร อดีตเจ้าอาวาสในสมัยนั้น หมดเงินทั้งสิ้นจำนวน ๖,๐๐๐ บาทเศษ ส่วนสถาปนิก เป็นช่างญวนชื่อ นายทองคำ จันทร์เจริญ (ทองคำ แซ่อึ่ง) และ นายคำมี จันทร์เจริญ สองพี่น้องได้มามีภรรยาอยู่ที่บ้านนาจารย์ขณะที่กำลังทำสิมหลังนี้ ต่อมานายทองคำได้เสียชีวิตขณะที่อายุไม่ถึง ๕๐ ปี มีบุตรธิดารวม ๔ คน ยังมีผลงานอีกคือ
-สิมวัดบ้านหนองอีบุด อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์
-สิมวัดบ้านนา ต.ม่วงนา อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ (ทำเพียงเเอวขันก็หยุดเพราะเงินไม่พอ ได้รื้อทิ้งแล้ว)
ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๙๘ พระครูวีระพรมคุณ ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดอุดมประชาราษฎร์
ที่ตั้ง
บ้านนาจารย์ ถนนถีนานนท์ หมู่ที่ ๓ ตำบลนาจารย์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๗ไร่ ๒งาน ๗๐ ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือประมาณ ๒ เส้น ๑๐ วา จดถนสาธารณะ ทิศใต้ประมาณ ๒ เส้น ๑๐วา จดถนนสาธารณะ ทิศตะวันออกประมาณ ๓ เส้น จดหนองแวง ทิศตะวันตกประมาณ ๓ เส้น จดถนนสาธารณะ มีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๑ แปลง เนื้อที่ ๑ ไร่ ๓ งาน ๘ ตารางวา โฉนดที่ดิน เลขที่ ๖๖๙๑
อาคารเสนาสนะ
ประกอบด้วยอุโบสถ กว้าง ๘เมตร ยาว ๑๒ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒
และกุฎิสงฆ์ ๑ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑
การบริหารและการปกครองมีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนามคือ
รูปที่ ๑ พระหง
รูปที่ ๒ พระเภา
รูปที่ ๓ พระอาจ
รูปที่ ๔ พระหุ่ง
รูปที่ ๕ พระบุบผา
รูปที่ ๖ พระเถิง
รูปที่ ๗ พระโข่
รูปที่ ๘ พระศรี
รูปที่ ๙ พระลาน
รูปที่ ๑๐ พระผง
รูปที่ ๑๑ พระเพชร
รูปที่ ๑๒พระกันยา
รูปที่ ๑๓ พระพูล
รูปที่ ๑๔ พระครูวีรธรรมคุณ
รูปที่ ๑๕ พระครูมงคลพุทธิคุณ
รูปแบบสิม ,วัสดุและโครงสร้าง
เป็นสิมขนาดใหญ่พิเศษ ตัวสิมยาว ๕ ช่วงเสา กว้าง ๓ ช่วงเสา รวม ความยาว ๑๓.๒๗ เมตร กว้าง ๗.๘๕ เมตร ระเบียงกว้าง ๒.๖๕ เมตร หากนับรวมระเบียงโดยรอบ แล้วจะได้ความกว้าง ๑๔.๕๐ เมตร และยาว ๒๐ เมตรพอดี ความสูงของพื้นสิมภายในจากระดับดิน ๑.๔๐ เมตร หลังคาลด ๓ชั้น ได้ทรวดทรงพองาม มีปีกนกวิ่งอ้อมตลอดโดยใช้เสานางเรียงสี่เหลี่ยมก่ออิฐรับโดยรอบ ผนัง ๓ ช่วงเสาแรก เจาะเป็นหน้าต่างทั้ง ๒ ด้าน อีก ๒ ช่วงเสาด้านพระประธานปิดทึบทุกช่องจะปั้นปูนเป็นอาร์คโค้ง
ส่วนโครงสร้างทั้งเสาและผนังใช้ก่ออิฐพื้นเมืองฉาบปูนปั้นลายประดับตามรูปแบบศิลปะของช่างญวน โครงสร้างหลังคาทั้งอะเสในส่วนของหลังคาปีกนกนั้น ช่างวางไม้ในทางนอนแทนที่จะวางในทางตั้ง ซึ่งจะแข็งแรงกว่า(ขนาดไม้ ๑.๕x ๘ นิ้ว ระยะระหว่างช่วงเสา ๒.๖๕ เมตร) เครื่องมุงเป็นสังกะสีทั้งหลัง การซ้อนหลังคา ๓ ชั้น นับเป็นการแก้ปัญหาเรื่องระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
ภาพด้านหลังสิมและด้านข้าง
รายละเอียดส่วนประดับมีดังนี้
มีโห่งไม้แกะลาย ลำยอง เป็นนาคข้างละ ๕ ตัว โดยแกะสลักนูนขึ้นเป็นตัว ๆ เลื้อยเอาหัวลงไปทางพื้นดิน
หน้าบันด้านหน้าปั้นปูนนูนต่ำรูปครุฑคล้ายในธนบัตร และมีมังกรม้วนหางอยู่ทั้ง ๒ ข้าง เป็นรูปแบบศิลปะของช่างญวนทั้งสิ้น
ด้านหน้าทางเข้า มีพญานาคเฝ้าประตู และ ประดับซุ้มโค้งทางเข้าประตูปั้นปูนรูปพระพุทธองค์ มีมังกรประดับอยู่ด้านบน
พญานาคเฝ้าประตู มีหงอนคล้ายไก่ คล้ายมังกร จนคล้ายสิงโตซึ่งน่าจะเป็นช่างญวนเป็นผู้ปั้นขึ้น
ภายในสิมมีฐานชุกชี และโต๊ะหมู่ซ้ายขวา
ด้านหลังพระประธาน มีฮูปแต้ม มีภาพมังกรอยู่กลางผนัง ส่วนพระบนโต๊ะหมู่ มีพระไม้ฝีมือพื้นบ้านอยู่บ้าง
ฮูปแต้ม (จิตรกรรมฝาผนังอีสาน)
ที่น่าสนใจและมีคุณค่าพิเศษก็คือ ฮูปแต้ม ที่ช่าง(น่าจะเป็นช่างไท-อีสานพื้นบ้าน)เขียนไว้ในซุ้มของ ๒ ช่วงที่ปิดทึบและผนังด้านนอกเฉพาะผนังส่วนกะสัด(หรือลวงขื่อ) เป็นเรื่องราวเวสสันดรชาดก พื้นของภาพเป็นสีปูนขาวของผนังที่เขียนนั้นเอง
ช่างแต้ม ผนังด้านนอกของสิมหลังนี้มีฝีมือดีมาก การให้สีสันก็สวยงาม เขียนเต็มผนังหุ้มกลองด้านนอก และด้านข้างอีกด้านละ ๒ ช่วงเสา เป็นเรื่องเวสสันดรชาดก(ภาพผะเหวด) ช่างแต้มคือ จารย์ผาย อยู่บ้านคำเชียงวัน ต.สหัสขันธ์ เขียนตามศรัทธาของเจ้าภาพ ว่าจ้างเป็นช่องๆ ไปในแต่ละเรื่อง เช่น ดังคำจารึกไว้ใต้รูปเขียนหน้าหนึ่งว่า “นายสา สีบูรำ มีใจศรัทธาอาศหลาด ได้เงิน ๒ บาท มาจ้างส่างแต้มมะหาพล ขอให้บุญมาก ๆ”
ส่วนช่างคำ พรพนม มาช่วยทำลายหน้าบัน และตัวโหง่
ด้านหลังพระประธาน มีฮูปแต้ม มีภาพมังกรอยู่กลางผนัง ส่วนพระบนโต๊ะหมู่ มีพระไม้ฝีมือพื้นบ้านอยู่บ้าง