วัดสนวนวารีพัฒนาราม
ประวัติความเป็นมา
เดิมชื่อวัดชนวน เพราะมีต้นขนวนอยู่ภายในวัด เมื่อเวลาผ่านไปจึงเพี้ยนจาก “ขนวน” มาเป็น “สนวน” วัดนี้สร้างราว พ.ศ. ๒๔๖๕ โดยการบริจาคตามกำลังศรัทธาของชาวบ้าน รวบรวมได้สองร้อยบาท มีช่างญวนเป็นช่างใหญ่และเป็นช่างแต้ม ส่วนสิมนั้นสร้างหลังจากสร้างวัดสองปี
ที่ตั้ง
ตั้งอยู่ที่บ้านหัวหนอง ตำบลหัวหนอง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ห่างจากที่ตั้งจังหวัดขอนแก่นประมาณ ๔๖ กิโลเมตร เดินทางไปตามถนนมิตรภาพ สายขอนแก่น – บ้านไผ่ เลยสี่เเยกที่เลี้ยวไปทางชนบท ตรงไปทางอำเภอพล ประมาณ ๒๐๐ เมตร แยกขวาไปตามถนนลูกรังประมาณ ๑๒ กิโลเมตร จะถึงทั้งวัดสนวนวารีพัฒนาราม
อาคารเสนาสนะ
รูปแบบสิม วัสดุและโครงสร้าง
เป็นสิมทึบก่ออิฐฉาบปูนขนาดเล็ก ยาว ๓ ห้อง ก่อซุ้มโค้งแบบช่างญวนทั้งหมด คือ ด้านหน้า ๓ ซุ้มกลางเป็นบันไดขึ้นขนาบด้วยซุ้มหน้าต่างข้างละซุ้ม ส่วนหน้าต่างนั้นทำโค้ง ด้านข้างด้านละ ๓ โค้ง ๒ โค้งแรกเป็นซุ้มหน้าต่างไม่มีบานปิดเปิดปล่อยโล่ง อีก ๑ โค้งเป็นซุ้มหลอก ปิดทึบเขียนฮูปแต้มประดับ ใต้ซุ้มเหล่านี้ทำเป็นลูกกรงเจาะช่อง ๔ เหลี่ยมหยักหัวเสาไม่ตกแต่งปลายเสา หลังคาทรงจั่วชั้นเดียว มีชานจั่ว โหง่และลำยองเป็นไม้แบบไท-อีสานพื้นบ้าน หลังคาปีกนกยื่นมีเสารับ ๑๘ ต้นโดยรอบ (น่าจะทำเพิ่มเติมภายหลังเพราะมีร่องรอยการเจาะหัวเสาใส่จันทันปีกนก) พื้นที่ใช้สอยภายในสิมกว้างยาวประมาณ ๓x๖ ตารางเมตร พระประธานปูนปั้นปางมารผจญอยู่บนฐานชุกชีแบบพื้นบ้าน มีฮูปแต้มตลอดผนังครึ่งบนทั้ง ๔ ด้าน สีที่ใช้เป็นสกุลสีครามทั้งหมด ส่วนด้านนอกนั้นช่างแต้มก็ได้แต้มใส่จนเต็มผนังมีเรื่องราวพุทธประวัติและสินไชย ทำให้สิมหลังนี้ถึงแม้จะด้อยในทางสถาปัตยกรรม แต่ดูมีคุณค่าสูงส่งขึ้นมาทันทีเพราะมีฮูปแต้มแบบพื้นบ้านนี้ น่าจะเป็นฝีมือช่างแต้มไท-อีสานพื้นบ้าน ซึ่งอยู่แถบบ้านหัวหนองแห่งนี้ ส่วนวัสดุที่เป็นอิฐนั้นน่าสงสัยว่าจะทำขึ้นมาเอง อายุการใช้งานคงไม่น่าเกิน ๖๐ ปีแต่พิจารณาดูแล้วน่าจะเปื่อยยุ่ยเร็วกว่าปกติ เพราะความชื้นจากดินเค็มจะลามขึ้นมาถึงผนังที่มีฮูปแต้มทำให้สภาพวัสดุเสื่อมสลายลงเร็วกว่าธรรมดา ส่วนโครงหลังคาเป็นเครื่องไม้นั้นจะไม่มีผลแต่ประการใด
รายละเอียดส่วนประดับมีดังนี้
ฮูปแต้ม (จิตรกรรมฝาผนังอีสาน)
ฮูปแต้มด้านนอกเขียนไว้เหนือแนววงโค้ง เริ่มจากผนังด้านทิศใต้ต่อเรื่อยไปทางตะวันตก ทิศเหนือ จน สุดผนังด้านทิศตะวันออก แต่ยังไม่จบเรื่อง ช่างก็กระโดดไปต่อเรื่องจนจบที่ผนังด้านหลัง (ตะวันตก) เนื่องจากเป็นด้านเดียวที่พอมีพื้นที่เหลือ เนื้อหาเป็นนิทานพื้นบ้าน ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการนำมาเขียนจิตรกรรมฝาผนังในภาคอีสาน คือ เรื่อง “สินไชย” หรือ “สังข์ศิลป์ชัย” ส่วนฮูปแต้มด้านในก็คล้ายกัน คือเริ่มจากผนังด้านทิศเหนือต่อเรื่อยไปทิศตะวันตก ทิศใต้ และทิศตะวันออกจนสุดผนัง ยังไม่จบเรื่อง กระโดดไปต่อจนจบที่ผนังด้านหลัง (ตะวันตก) ที่เห็นอย่างนี้อย่าคิดว่าผิดแบบธรรมเนียมแต่อย่างใด เพราะสิมที่มีฮูปแต้มของอีสานเกือบทุกแห่งเป็นอย่างนี้
ช่างเขียนภาพไป บางทีนึกขึ้นได้ว่าลืมตอนสำคัญ ก็มองหาที่ว่าง จะแทรกตรงไหนได้บ้าง ดังนั้นผู้ที่จะดูภาพเข้าใจ ก็ต้องมีพื้นความรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านอีสานไว้บ้าง เพราะนอกจากบางครั้งจะไม่วาดตามลำดับเรื่องราวแล้ว บางทียังแปลงเรื่องใหม่สุดแท้แต่ความนิยม และความรู้ของช่าง สร้างสรรค์กันได้อย่างอิสระ ไม่มีกรอบหรือแบบแผนที่ต้องเคร่งครัดเหมือนงานช่างหลวง