วัดกลางโคกค้อ
ประวัติความเป็นมา
วัดจักรวาฬภูมิพินิ ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๐ โดยมี นายสิงห์ สิงห์เสนา เดิมบ้านอยู่หนองแล้ง แขวงเมืองสุวรรณภูมิ ได้พาครอบครัวและญาติมาตั้งบ้านใหม่ชื่อว่า บ้านหนองหมื่นถ่าน ต่อมาได้ชักชวนชาวบ้านตั้งวัดขึ้น ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๑ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๐ เมตร
ที่ตั้ง
วัดกลางโคกค้อ ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๓ โดยมีพระครูเกตุ เป็นผู้นำชาวบ้านในการสร้างวัด เป็นพระมาจากเมืองชัยภูมิได้ตั้งวัดนี้ขึ้นให้ชื่อว่า “วัดกลางโคกค้อ” เพราะตั้งอยู่ระหว่างกลางของบ้านโคกและบ้านค้อ ซึ่งอยู่ใกล้กัน ในปี พ.ศ. ๒๓๖๓ นั้น มีเพียงกุฎิ และหอแจกอย่างละ ๑ หลัง ต่อมาพระครูเกตุ บอกบุญไปยังแม่ทองคำ ซึ่งเป็นเศรษฐีนีของเมืองกาฬสินธุ์สมัยนั้น กอปรกับได้ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสร่วมทำบุญสมทบอีกมาก ได้พากันแห่หามไหทอง ๒ ไห มาร่วมก่อสร้างสิม โดยเอาทองมาฝังใน บือสิม(หลักสิม) ไม่ทัน ก็เลยเอาไปฝังที่อื่น(ไม่ทราบว่าอยู่ ณ ที่ใด) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๕.๑๐ เมตร ยาว ๖.๑๐ เมตร และบริหารการปกครอง มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม คือ
รูปที่ ๑ พระเกตุ พ.ศ. ๒๓๖๓-๒๓๖๘
รูปที่ ๒ พระฉลวย
รูปที่ ๓ พระหลอด
รูปที่ ๔ พระครูปภัสสรนวกิจ(พระครูก้าน)
รูปที่ ๕ พระบุญสวน พ.ศ. ๒๕๐๙-๒๕๒๘
รูปที่ ๖ เจ้าอธิการวิรัตน์ ปะภัสสะโร พ.ศ. ๒๕๓๔-๒๕๓๕
รูปที่ ๗ พระครูปัญญาภิวัฒน์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๖
สมัยหลวงตาก้าน ได้ทำกุฎิอีก ๑ หลัง และหอแจกใหญ่ ๑ หลัง เป็นไม้เต็งทั้งหลัง ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ สิ้นเงิน ๒๗๑.๒๕ บาท ผู้นำสร้างฝ่ายฆราวาสมีคุณตาสมุห์น้อย เพ็ชรรัตน์ และตากำนันสุดชา ไกรพินิจ เดิมหอแจกหลังนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสิม โดยหันหน้าเข้าหากันคือ สิมหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ส่วนหอแจกนั้นหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ห่างกันราว ๕เมตร บัดนี้ได้รื้อออกแล้วขยับไปสร้างหอแจก หลังใหม่เป็นแบบครึ่งปูนครึ่งไม้ (มะค่าโมง) สิ้นเงิน ๑ ล้าน ๓ แสน ในสมัยพระครูบุณสวน (ซึ่งในสมัยนั้นเป็นเจ้าคณะตำบลยางตลาด) การศึกษามีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด เปิดสอน พ.ศ.๒๕๓๖
อาคารเสนาสนะ
รูปแบบสิม ,วัสดุและโครงสร้าง
แปลนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว ๓ ช่วง เสา ๕.๕๐ เมตร กว้าง ๔ เมตร มีรับปีกนกทั้งสิ้น ๑๒ ต้น หลังคาทรงจั่วชั้นเดียวมุงกระเบื้องดินขอ มีแป้นลมไม้ปิดหน้าทำอ่อนช้อยรับกับทรงสิม
ลักษณะพิเศษที่แป้นลมนี้ก็คือช่างได้แกะเป็นลายเส้นกนก ก้านดก แบบพื้นบ้านอีสาน ตลอดไปถึงไม้เชิงชายรับชานจั่วด้วย ดูแปลกตาและได้รับคุณค่าทางศิลปะมากพอสมควร มีโห่งติดอยู่แต่หางหงส์หลุดร่วงไปหมด หน้าบันเรียบ (ซ่อมใหม่) มีชานจั่วมุงดินขอเช่นกัน ส่วนหลังคาปีกนกนั้นมุงกระเบื้องดินขอโดยรอบ (ซ่อมใหม่) มีบันได ๔ ขั้นขึ้นไปสู่ตัวสิมซึ่งเจาะเป็นทางเข้า เบี่ยงมาทางขวามือ นับเป็นการแก้ปัญหาของการใช้พื้นที่ภายในได้ดีกว่าการเจาะทางเข้าตรงกลาง (เพราะเจาะไม่ได้อยู่แล้ว ติดเสารับขื่อซึ่งอยู่ตรงกลางพอดี) บัวของฐานแอวขันของสิมหลังนี้บับได้ว่าลงตัวเหมาะเจาะสมกับรูปแบบของช่างพื้นบ้านโดยแท้
รายละเอียดส่วนประดับมีดังนี้
ผนังก็นิยมทำเป็นขั้นบันไดไล่ขึ้นไปสู่ผนังด้านหลังพระประธานตามลักษณะของสิมโปร่งอีสานทั่วๆไป ปัจจุบันมีการติดเหล็กดัดโดยรอบสิม ส่วนฐานชุกชีนั้นทำสูงใหญ่เป็นฐานโบกคว่ำโบกหงายชันกว่าปกติ ในชั้นล่างส่วนโครงสร้างและวัสดุนั้น ตัวฐานและผนังใช่ก่ออิฐฉาบปูนพื้นบ้าน (ชะทาย) เสากลมไม้เนื้อแข็ง เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๐ ซม. เครื่องบนเป็นไม้ทั้งหมด ทั้งขื่อ,ด้ง และจันทันยังมีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีการบูรณะโดยโครงการค่ายอนุรักษ์สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อ ปีพ.ศ.๒๕๓๙
ภาพภายในสิม ฐานชุกชีเดิม พระประธานใหม่ และ โต๊ะหมู่สมัยปัจจุบัน