ปิ่น ดีสม
นายปิ่น ดีสม เป็นชาวสุรินทร์โดยกำเนิด เกิดวันที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๔ (ปีระกา) สำเร็จการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนประชาบาลตำบลคอโค (วัดสง่างาม) แล้วมุ่งมั่นศึกษาในระดับที่สูงขึ้น จนจบโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัดสุรินทร์เป็นรุ่นแรก เมื่ออายุ ๑๘ ปี จึงสอบเข้ารับราชการครู และดำรงตำแหน่งครูใหญ่จนเกษียณอายุราชการ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๑ สิริอายุ ๗๗ ปี
นายปิ่น ดีสม หรือครูปิ่น ดีสม นับว่าเป็นนักแสดงตั้งแต่กำเนิด ด้วยอยู่ในชุมชนที่มีนักเพลงนักดนตรีพื้นบ้านจำนวนมาก เมื่อเข้าสู่วัยเรียนก็ได้เป็นผู้แทนของโรงเรียนแสดงสมโภชกองกฐินหลวงในสมัยนั้น และมีชีวิตผูกพันกับศิลปะการแสดงพื้นบ้านมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อเข้ารับราชการครูก็เป็นหัวหน้าคณะนักแสดงพื้นบ้านของจังหวัดสุรินทร์ในงานแสดงต่าง ๆ จากการที่เป็นครู มีความรู้ความสามารถด้านภาษาเขมรถิ่นไทยและภาษาไทยเป็นอย่างดี ท่านจึงประพันธ์เนื้อร้องบทเพลงเพื่อการแสดงพื้นบ้านไว้มากมายและยังคงใช้ในการแสดงพื้นบ้านมาจวบจนถึงปัจจุบัน อาทิ เจรียงนอระแกว เรือมอันเร เจรียงซันตูจ กะโน้บติงต็อง เรือมตร๊ด บทสำนวน ฯลฯ
นายปิ่น ดีสม เป็นผู้ที่สร้างสรรค์ดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสานใต้ ซึ่งถือเป็นรากฐานในการผสมผสานเพื่อจัดทำเป็นชุดการแสดง โดยพัฒนาต่อยอดจากวิถี การละเล่น ประเพณีพื้นบ้าน ให้มีความกระชับเหมาะสำหรับเพื่อใช้ในการแสดง ผลงานที่ภาคภูมิใจคือ ได้รับเกียรติอย่างยิ่งจากจังหวัดสุรินทร์ให้จัดการแสดงเจรยี งนอระแกวและเรอื มอนั เร รบั เสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ คราวที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยือนพสกนิกรชาวสุรินทร์เป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๘ ซึ่งการแสดงในครั้งนั้นถือเป็นแม่แบบของการบรรเลงดนตรีและการแสดงพื้นบ้านอีสานใต้สืบมา โดยครูปิ่น ดีสม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะนักดนตรี ตีโทนสองใบพร้อมกัน เป็นภาพความทรงจำที่ทุกคนยังประทับใจมิรู้ลืม
นายปิ่น ดีสม เป็นยอดของนักแสดงแห่งแผ่นดินอีสานใต้ทั้งในทางดนตรีพื้นบ้านและศิลปะการแสดงด้วยท่วงท่าลีลาในแบบเขมรถิ่นไทย อันเป็นต้นแบบให้นักแสดง ศิลปินพื้นบ้าน และการแสดงอีสานใต้ที่เป็นอมตะจากอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน นายปิ่น ดีสม จึงสมควรได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นอมรศิลปินมรดกอีสานสาขาศิลปะการแสดง พุทธศักราช ๒๕๖๑ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ครอบครัวสืบไป