ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น
en th

ฐิติรัตน์ โคตรหานาม (ขับร้องเพลงลูกทุ่งอีสาน)

ฐิติรัตน์ โคตรหานาม

นางฐิติรัตน์ โคตรหานาม หรือชื่อที่รู้จักในวงการ คือ “ไพรินทร์ พรพิบูลย์” ปัจจุบันอายุ ๕๘ ปี เกิดเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ ภูมิลำเนาเดิม บ้านยางแคน อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี สำเร็จการศึกษาระดับชั้นระถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนบ้านยางแคน อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี

ไพรินทร์ พรพิบูลย์ นับว่าเป็นศิลปินพื้นบ้านอีสานขนานแท้เริ่มฝึกการลำตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ กับหมอลำคำปุ่น ฟุ้งสุข ซึ่งเป็นหมอลำชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้น และมีฐานะเป็นญาติกับฐิติรัตน์ ทำให้ได้ฝึกร้องหมอลำอย่างใกล้ชิด จนมีความสามารถที่จะออกแสดงได้ หมอลำคำปุ่นจึงพาไปเปิดการแสดงที่นครหลวงเวียงจันทน์ประเทศสาธารณรัฐประชาธอปไตยประชาชนลาว จนเมื่อมีอายุย่างเข้า ๑๗-๑๘ ปี ผู้เป็นอาจารย์ (หมอลำคำปุ่น) ก็พาไปฝากกับครูสุรินทร์ ภาคสิริ นักประพันธ์เพลงลูกทุ่งชื่อดังของเมืองไทย ซึ่งมีความคุ้นเคยกับหมอลำคำปุ่นเป็นอย่างดี ด้วยน้ำเสียงใสซื่อ อันเป็นเอกลักษณ์แบบพื้นบ้านของเธอ ทำให้เธอได้รับโอกาสในการบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรก ด้วยบทเพลง “สาวน้อยลำเพลิน” และ “คอยหาบ่เห็น” เพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง “นายอำเภอปฏิวัติ” แต่ผลงานเพลงที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือเพลง “ลำกล่อมทุ่ง” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ที่ใช้เป็นเพลงประกอบในภาพยนตร์ เรื่อง “มนต์รักแม่น้ำมูล” และมีผลงานเพลงอีกมากมายที่ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ อาทิ เพลงโซลสาละวัน, เพลงผีหลอก, เพลงลำเพลิน, และเพลงลำตังหวาย นอกจากนั้นยังมีผลงานเพลงอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้บันทึกลงแผ่น แต่ก็ใช้ขับร้องในการแสดงสดตามที่ต่าง ๆ จนถึงประมาณ ปี พ.ศ.๒๕๒๐ จึงได้เข้ามาร่วมอยู่ประจำในวงดนตรีหมอลำประยุกต์ “ทิดโส ลำเพลิน” ของ ครูสุรินทร์ ภาคศิริ ซึ่งเป็นผู้ประพันธ์เพลงสร้างชื่อเสียงให้กับเธอเป็นส่วนใหญ่ และได้ร่วมงานแสดงอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งอีสาน จนถึงปี พ.ศ.๒๕๕๐ จึงได้วางมือเพราะด้วยปัญหาด้านสุขภาพ แต่ในช่วงหลังของชีวิตศิลปินเธอก็ยังได้ฝากผลงานเพลงออกมาให้แฟนเพลงได้หายคิดถึง โดยร้องคู่กับพิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ในชุด “หมอลำพันธุ์แท้”

ไพรินทร์ พรพิบูลย์ หรือ ฐิติรัตน์ โคตรหานาม นับเป็นผู้ที่มีความสามารถในการขับร้องเพลงลูกทุ่งอีสานที่มีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตนเอง น้ำเสียงของเธอได้ประทับอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนนับจากอดีตในช่วงที่ผลงานโด่งดังถึงที่สุดจนถึงปัจจุบันแม้บรรยากาศนั้นจะเลือนลางจางไป แต่เชื่อว่านักร้องลูกทุ่งเสียงใสคนนี้คือ หนึ่งในเพชรเม็ดงามที่เคยประดับอยู่ในแถวหน้าของวงการลูกทุ่งเมืองไทยมาแล้ว ถึงแม้ปัจจุบันเธออาจจะไม่สามารถขับขานบทเพลงได้ดีเหมือนอย่างเคย เพราะอาการเจ็บไข้ของเธอ แต่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลืองานอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมในโอกาสต่าง ๆโดยเฉพาะการอุทิศเวลาในการถ่ายทอดศิลปะการขับร้องลูกทุ่งอีสานและหมอลำ ให้กับลูกหลาน ตลอดถึงผู้สนใจ เพื่อสืบสานศิลปะการแสดงไว้ให้เป็นมรดกอีสานสืบไป

นางฐิติรัตน์ โคตรหานาม (ไพรินทร์ พรพิบูลย์) จึงสมควรได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปะการแสดง(ขับร้องเพลงลูกทุ่งอีสาน) ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป