คำแอ ทองจันทร์
อ.คำแอ ทองจันทร์ หรือชื่อเดิม คำเกิ่ง ทองจันทร์ เกิดวันที่ 2 กรกฎาคม 2489 ปีจอ เป็นชาว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เจ้าของผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงดัง ‘’ปากโกรธใจคิดถึง’’ ซึ่งขับร้องโดย ‘’สาธิต ทองจันทร์’’ และผลงานกลอนลำอีกมากมาย
คำแอ ทองจันทร์ หรือนามอันลือลั่น “คำเกิ่ง ทองจันทร์”เกิดที่ร้อยเอ็ดเมืองสาเกตนคร เด็กชาวนาดงดอนผู้เกิดมาท่ามกลางอารยธรรมอีสาน วิถีชีวิตของผู้คนที่ดำเนินไปในการแก้ปัญหาด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้สัมผัสความเป็นศิลปินตั้งแต่แม่ร้องกล่อม ซึมซับคำเจรจาคำสอนจากวัฒนธรรมและศาสนา นำพาให้ได้เรียนรู้การใช้ถ้อยคำสัมผัส การผูกอักษรจนถนัดให้ไพเราะกินใจอุปไมยอุปมา ท่วงทำนองแหล่เทศนาหลากหลาย ประทับฝังใจให้เกิดความมุ่งมั่น ค่อยๆสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจ โดยอาศัยประสบการณ์ที่ผ่านพบ ถ่ายทอดความเจนจบของชีวิตผ่านออกมาเป็นอารมณ์ความรู้สึก ชวนให้ผู้ฟังนึกคล้อยตามจนเหมือนจริงความรักยามหวานก็แสนหวานกว่าทุกสิ่ง ยามอาลัยก็ยิ่งครวญคร่ำรำพันแทบขาดจิต เมื่อยามคิดก็คิดถึงราวจะโลดแล่นไปหา ผลงานอักษราทุกถ้อยความ ล้วนแพรวพราวงดงามด้วยวรรณศิลป์อันท่วงทำนองของการร้องลำนั้นเล่า ก็ถือเอาแบบอย่างครู ที่เรียนรู้จากบรรพชน แล้วฝึกฝนจนชำนาญ หาญกล้าออกแสดง จนส่องแสงโด่งดัง พัฒนาพลังเสริมต่อด้วยลีลาเอกลักษณ์เป็นที่ประจักษ์ในความสามารถ ฉลาดในเชิงไหวพริบด้นกลอนสำเนียงเสียงถ้อยคำลึกล้ำออดอ้อนแสนกินใจ ชนต่างหลงใหลชื่นชม
ท่ามกลางกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ กระแสอื่นพุ่งซัดสังคมไทย แต่คำเกิ่งมิหวั่นไหวสิ่งนั่น มุ่งยืนหยัดสร้างสรรค์ ผลักดันศิลปะอีสาน ผสานวัฒนธรรมใหม่ให้กลมกลืน ให้ศิลปินยืนอยู่ได้ มีความหมายว่าเราคือของแท้ มิพ่ายแพ้แก่ผู้ใด ส่งเสริมขัดเกลาให้ลูกหลานบ้านเฮา แต่งกลอนลำเอาให้ไปร้อง แต่งทำนองเอาไปให้เอื้อนประสานผองเพื่อนน้องพี่ ที่มีใจรักงานด้วยกัน สร้างสรรค์เผยแพร่ด้วยสื่อตามยุคสมัย ปลอบขวัญกำลังใจมิให้ท้อ ทำงานต่ออย่าล้มอดทนขมต่อความไม่สำเร็จ ไม่เข็ดต่อความล้มเหลว มีเปลวไฟแห่งการทำงาน สู้บากบั่นมิท้อถอย จนกระทั่งพลอยเปล่งแสงเจิดจรัสเป็นมหัศจรรย์แห่งวงการ ได้ชื่อว่า“พญาอินทรีย์แห่งอีสาน” เป็นตำนานผู้สร้างศิลปิน กล่าวยลยินได้ว่า ยังไม่เคยมีศิลปินกล้าผู้ใด จะยิ่งใหญ่เทียมเท่า ว่าเป็นผู้เฝ้าส่งสร้างศิลปินหมอลำ ให้โด่งดังเลิศล้ำชื่อก้อง มากที่สุดของเมืองไทย เท่าที่มีในยุคสมัยของท่าน ด้วยความดีและความสามารถที่ฝ่าฟัน เป็นที่ประจักษ์กันแก่ทุกผู้ เราทั้งหลายจึงพร้อมใจกันเชิดชูเกียรติยศ ให้ปรากฏแก่ชนทั้งแผ่นดิน ว่านี่แหละคือศิลปินมรดกอีสาน ผู้เป็นตำนานแห่งวรรณศิลป์หมอลำอีสาน ให้เป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานสืบต่อไป