วัดจักรวาฬภูมิพินิจ
ประวัติความเป็นมา
วัดจักรวาฬภูมิพินิ ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๐ โดยมี นายสิงห์ สิงห์เสนา เดิมบ้านอยู่หนองแล้ง แขวงเมืองสุวรรณภูมิ ได้พาครอบครัวและญาติมาตั้งบ้านใหม่ชื่อว่า บ้านหนองหมื่นถ่าน ต่อมาได้ชักชวนชาวบ้านตั้งวัดขึ้น ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๑ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๐ เมตร
ที่ตั้ง
บ้านหนองหมื่นถ่าน ถนนศรีสุวรนันท์ หมู่ที่ ๕ ตำบลหนองหมื่นถ่าน อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒ งาน ๑๕ ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือประมาณ ๔ เส้น ๑๐ วา จดที่นาของชาวบ้าน ทิศใต้ประมาณ ๕ เส้น จดถนนเข้าหมู่บ้านยางเดี่ยว ทิศตะวันออกประมาณ ๓ เส้น ๕ วา จดดอนปู่ตา ทิศตะวันตก ประมาณ ๒ เส้น ๑๐ วา จดถนนศรีสุวรนันท์
อาคารเสนาสนะ
ประกอบด้วยอุโบสถ กว้าง ๖.๙๐ เมตร ยาว ๙.๑๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๑๒.๘๐ เมตร ยาว ๑๖.๖๐ เมตร เป็นอาคารศาลาทรงไทย สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๙
กุฏิสงฆ์ จำนวน ๑ หลังเป็นอาคารไม้ และวิหาร กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๒
การบริหารและการปกครองมีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนามคือ
รูปที่ ๑ พระอธิการปุย พนมใหญ่
รูปที่ ๒ พระอธิการทุม บุตรโท
รูปที่ ๓ พระอธิการเบ้า
รูปที่ ๔ พระอธิการอ้วน บุตรโท
รูปที่ ๕ พระปลัดอาน บุตรโท
รูปที่ ๖ พระอธิการลือ สุวัณโณ
รูปที่ ๗ พระครูอดุลศีลพรต
รูปที่ ๘ พระสมุห์พิบูลย์ สุจิตโต ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๔
รูปแบบสิม วัสดุและโครงสร้าง
เเปลนรูป ๔ เหลี่ยม ยาว ๓ ช่วงเสา ขนาดความกว้าง ๕.๓๐ เมดร ยาว ๗.๘๕ เมตรรวมมุขหน้าบันไดทอดยาวขึ้นเฉพาะด้านหน้า สิมหลังนี้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ผนังก่ออิฐฉาบปูนสูง ๓.๓๐ เมตร เจาะช่องหน้าตางด้านละ ๒ ช่อง ฐานแอวขันสูง ๑.๖๐ เมตร ปั้นปูนเป็นบัวปากพานสวยงามมาก หลังคาทรงจั่วชั้นเดียว สิมเหล่านี้มีความสมบูรณ์ในงานตกแต่งอย่างเต็มที่ นับเป็นสิมตัวอย่างของอีสานที่สมบูรณ์หลังหนึ่ง
รายละเอียดส่วนประดับมีดังนี้
๑. โหง่ ไม้แกะสลักช่างพื้นบัาน ทำอกใหญ่ปากเเละยอดแหลมเรียวเล็ก
๒. ลำยอง สลักไม้เป็นตัวนาคเลื้อยสะดุ้ง ๔ ชั้น มีเกล็ดนาคดูไดัอารมณ์แปลกตากว่าของภาคกลางทั่ว ๆ ไป
๓. หางหงส์ สลักไมู้รปนาค ๓ เศียรแบบพื้นเมือง
๔. ช่อฟ้า ไม้แกะสลักเป็นยอดปราสาท มีนภศูลและฉัตร ๓ ชั้น
๕. สีหน้า หรือ หน้าบัน ทำเป็นรัศมีโดยรอบมีดวงตะวันอยู่ตรงกลาง ติดกระจกเงาสะท้อนแสง โดยรอบ
๖. คันทวย สลักไม้เป็นูรป หงส์นาค คือ หัวเป็นนาค แต่มีปีกเป็นหงส์นั่งอยู่บนเต้าไม้ที่ยื่นออกมาจากเสาด้านข้าง เป็นสวนประดับจริง ๆ มากกว่าจะให้รับน้ำหนัก
๗. ฮังผึ้ง นับเป็นส่วนเด่นเเล้วมีคุณค่ายิ่งของสิมหลังนี้ เพราะช่างได้บรรจงแกะสลักอย่างปราณีตที่สุด แม้จะมีลักษณะฝีมือแบบพื้นบ้านก็ตาม
๘. ตัวสิงห์มอม เป็นปูนปั้นทางเฝ้าบันไดทางขึ้น เป็นรูปแบบของสงห์ในภาคอีสาน ที่มักจะแตกต่างไปจากทางภาคกลางและเหนือ
๙. แอวขัน ปั้นปูนอ่อนช้อยได้สัดส่วนแบบอีสานแท้ ๆ เรียกว่าเป็นลักษณะของแอวขันปากพานที่สวยงามมากหลังหนึ่ง
๑๐. ประตูเเละ หน้าต่างนั้นช่างทำเรียบง่ายไม่มีการแกะสลักแต่อย่างใด
สรุปแล้วรูปเเบบของสิมหลังนี้นับเป็นตัวอย่างของ สิมทึบพื้นบ้านบิสุทธิ์ ที่ดีที่สุดหลังหนึ่งของอีสาน
ส่วนสภาพของวัสดุก่อสร้างนั้น ฐานก่ออิฐพื้นเมืองซึ่งเผาไม่แกร่งนั้นได้หลุดร่วงลงมาบริเวณมุมเสาของมุขหน้าเนื่องด้วยเสาถูกปลวกกัดกินจนขาด อิฐทีก่ออ้อมเสาเอาไว้จึงกระเทาะร่วงตามลงมาด้วย กอปรกับปูนฉาบแบบโบราณหมดสภาพการยึดเหนี่ยว บัดนี้ทางวัดได้ใช้ซีเมนต์ซ่อมจนกลับสู่สภาพเดิมแลัว ส่วนโครงสร้างหลังคานั้นยังมีความเเข็งเเรงดีทางคณะกรรมการวัดมีดำริจะรื้อถอน แต่ท่านเจ้าอาวาสในสมัยนั้นคือพระสมุห์พิบูลย์ สุจิตโตได้คัดค้านเอาไวั ด้วยท่านเข้าใจในการอนุรักษ์โบราณสถาน ทางกรรมาธิการสถาปนิกอีสานของสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้มอบโล่เกียรติยศนักอนุรักษ์ดีเด่นไว้เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๔